พ่อแม่วางแผนเงินแล้วเชื่อได้ว่า
เป้าหมายเพื่อลูก ไม่เกินเอื้อมแน่นอน
.
การศึกษา เป็นสิ่งสำคัญ และ สิ่งที่ดีที่สุด
ที่พ่อแม่ จะสามารถมอบให้ลูกได้
เพราะเราไม่สามารถจะอยู่กับเขาไปได้ตลอดเวลา
และตลอดชีวิตของเขา
สิ่งที่จะช่วยให้เขาใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างดี มั่นคงที่สุด
คือ ความรู้ และ ความสามารถ
ซึ่งจะติดตัวเขาไปตลอดเวลาและตลอดชีวิตจริงๆ
จึงไม่แปลกใจเลย ที่พ่อแม่จะทุ่มเทกันสุดตัว
เพื่อให้บุตรหลานได้รับการศึกษาที่ดีที่สุด เท่าที่พวกเขาจะทำได้
แต่ด้วยความที่ทุ่มกันหมดหน้าตักนี่แหละ
ที่ทำให้ ค่าเทอมลูก ค่าเล่าเรียนลูก
เป็น ค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ เผลอๆ เยอะกว่าค่ากินอยู่เสียอีก
แต่ตราบใดที่มีการ วางแผนเงิน
จัดการรายรับรายจ่าย ที่ดี
คุณพ่อคุณแม่ จะจัดการ ค่าเทอม ของลูกได้อย่างดีเช่นกัน
.
การจะบริหารค่าเทอมลูกที่เพิ่มขึ้นปีละ 6%
ในขณะที่ ดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์อยู่ที่ 0.5% ต่อปี
ดอกเบี้ยเงินฝากโตไม่ทันเงินเฟ้อค่าเล่าเรียน ทำอย่างไรดี
ขั้นแรกนำเป้าหมายตัวเลขเงิน
มาดูว่า ต้องเก็บเงินปีละเท่าไหร่
เฉลี่ยเดือนละเท่าไหร่
แล้วหาว่า จะใช้วิธีไหนในการเก็บหรือลงทุนเงิน
ให้ได้เงินจำนวนนั้นๆ ซึ่งมีมากมาย
เช่น ฝากออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูง
หางานทำเพิ่ม ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์
แบ่งช่วงเวลาเก็บเงิน
เพราะลูกใช้เงินแต่ละช่วงไม่เท่ากัน
.
แบ่งเป็นระยะสั้น ระยะปานกลาง และระยะยาว
#ระยะสั้น ก็เช่น อีก 1 – 3 ปี
ลูกจะเข้าโรงเรียน ควรเก็บเงินไว้ที่ที่มีความเสี่ยงต่ำ
เพื่อให้เงินต้นปลอดภัย เช่น เงินฝากออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูง
#ระยะปานกลาง
เช่น ฝากประจำ สลากออมสิน สลากธกส. กองทุนรวมตลาดเงิน
#ระยะยาว เช่น กองทุนรวมผสม กองทุนรวมหุ้น
ซึ่งให้ผลตอบแทนมากกว่า 6%
บางคนใช้ประโยชน์จาก LTF (ขายได้ทุก 7 ปี)
เพื่อลดหย่อนภาษี และเก็บเป็นเงินค่าเล่าเรียนของลูก
.
สุดท้ายไม่ท้ายสุด รักษาเป้าหมายไว้ให้ได้ด้วย
พ่อแม่วางแผนดิบดีว่า จะหาเงินให้ได้เท่านั้นเท่านี้
แต่ทุกคนรู้ดี ไม่มีใครรู้ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น
ทุกสิ่งเกิดขึ้นได้ และเราต้องทำใจยอมรับมัน
พ่อแม่อาจจะไม่ทันอยู่ส่งลูกเรียนจนจบ
แต่โชคดีที่ทุกวันนี้
มีเครื่องมือทางการเงินที่ช่วยคุ้มครอง
ให้คนข้างหลังมีเงินดูแลตัวได้ระยะหนึ่ง
นั่นคือ #ประกันชีวิต
ถ้า พ่อแม่ทำประกันชีวิต เงินประกันจะให้ผลลัพธ์ได้ 2 อย่าง
• หากพ่อหรือแม่เสียชีวิตกระทันหัน
ลูกจะได้รับเงินก้อนจากประกันชีวิตเป็นทุนการศึกษา
เรียนจนจบตามที่พ่อหรือแม่ตั้งใจไว้
• พ่อหรือแม่มีชีวิตอยู่ ครบปีที่ 15
เงินก้อนนี้จะกลายเป็นเงินทุนการศึกษาให้ลูก
หรือ กลายเป็นเงินทุนเริ่มต้นให้ลูกหลังเรียนจบ
เผื่ออยากสร้างธุรกิจอะไร ก็เริ่มจากเงินก้อนนี้ได้
.
เห็นไหมครับว่า เรื่องฟังดูยาก
ทำตามยาก ที่จริงแล้ว
อยู่ที่การวางแผนล้วนๆ
ไม่มีอะไรเกินไปกว่าความตั้งใจ
และความมุ่งมั่นของพ่อและแม่
คือ ความตั้งใจที่สตรองที่สุดที่มนุษย์คนหนึ่งจะพึงกระทำได้
หลายคนบอกมารู้ว่าตัวเองแกร่งสุดๆ
ก็ตอนที่เป็นพ่อแม่คนแล้ว
ไม่อยากเชื่อว่าตัวเองจะทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ได้
ดังนั้นถ้า พ่อแม่วางแผนเงินแล้วก็เชื่อว่า
เป้าหมายเพื่อลูก ไม่เกินเอื้อมแน่นอนค่ะ
.
ที่มา : https://th.theasianparent.com