อาการที่พบบ่อยในทารกได้แก่
อาการสำรอกหรืออาเจียนบ่อย
การที่ทารกร้องเรียกผิดปกติหรือเรียกว่าร้องโคลิค
นอกจากนี้ยังมีอาการของการขับถ่ายอุจจาระมีรูปแบบผิดปกติไป เช่น ถ่ายอุจจาระเหลวบ่อยบ่อยหรือถ่ายอุจจาระห่างห่าง
ซึ่งอาการของทางเดินอาหารเหล่านี้อาจมีสาเหตุมาจากโรคบางอย่างหรืออาจจะเป็นอาการที่พบได้ในทารกปกติและจะหายได้เอง
เราจะกล่าวถึงเฉพาะรูปแบบของการถ่ายอุจจาระที่คุณพ่อคุณแม่อาจเข้าใจว่าเป็นสิ่งผิดปกติ
ขอเริ่มที่อาการถ่ายอุจจาระเหลว
สาเหตุที่อาจทำให้ทารกมีการถ่ายอุจจาระเหลวบ่อยบ่อย
ได้แก่ การติดเชื้อของลำไส้แพ้โปรตีนนมวัวหรือแพ้อาหารชนิดอื่นๆ
อีกสาเหตุที่พบบ่อยก็คือภาวะที่ทารกได้รับนมที่มีปริมาณน้ำตาลแล็กโทสมากเกินไปซึ่งมักพบกับทารกที่กินนมแม่
เนื่องจากนมแม่ส่วนหน้าของเต้ามีปริมาณน้ำตาลแล็กโทสสูงแต่มีปริมาณไขมันต่ำกว่านมส่วนท้ายของเต้า
ดังนั้นถ้าทารกดูดแต่นมแม่ส่วนหน้าแทนที่จะดูดนมจนเกลี้ยงเต้าก็จะทำให้ทารกมีอาการถ่ายอุจจาระเหลวบ่อยบ่อยได้
เพราะฉะนั้นการป้องกันเพื่อไม่ให้ทารกมีการถ่ายอุจจาระเหลวบ่อยบ่อยคือ
คุณแม่ต้องพยายามให้ทารกดื่มนมจนเกลี้ยงเต้า
วิธีนี้จะทำให้ลดปัญหาการถ่ายอุจจาระเหลวบ่อยบ่อยได้
ทารกที่มีภาวะท้องร่วงก็จะมีการถ่ายอุจจาระเหลวบ่อยได้
สาเหตุที่ทำให้เกิดท้องร่วง ได้แก่
โรคลำไส้อักเสบและการแพ้อาหารหรือการแพ้โปรตีนนมวัว
ทารกที่มีภาวะท้องร่วงมีลักษณะผิดปกติอย่างอื่นร่วมด้วย
เช่น ถ้าเป็นการติดเชื้อในลำไส้ก็อาจพบมีอาการขาดน้ำ ปากแห้ง ตาลึกโหล หรือมีน้ำหนักลด
สำหรับทารกที่แพ้โปรตีนนมวัวก็อาจเลี้ยงไม่โตมีพื้นตามผิวหนังร่วมด้วย
ในกรณีที่แพทย์สงสัยว่าทารกเป็นโรคลำไส้อักเสบก็ต้องมีการส่งตัวและเพาะเชื้ออุจจาระ
แต่หากสงสัยว่าการถ่ายอุจจาระเหลวนั้นเป็นการแพ้อาหารหรือแพ้โปรตีนนมวัวแพทย์ก็จะแนะนำให้หลีกเลี่ยงกินอาหารที่แพ้
อย่างเช่นแพทย์จะแนะนำให้งดนมวัวและผลิตภัณฑ์จากนมวัวในทารกที่กินนมแม่
การถ่ายอุจจาระอีกรูปแบบหนึ่งในทารกที่คุณพ่อคุณแม่อาจจะเข้าใจว่าเป็นภาวะท้องผูก
คือ การถ่ายอุจจาระห่างห่าง
ในช่วงอายุหนึ่งเดือนแรก ทารกที่กินนมแม่มักจะถ่ายอุจจาระบ่อยอาจจะดูเหลวคล้ายท้องเสียได้แต่พอทารกย่างเข้าสองถึงสามเดือน
ทารกที่กินนมแม่บางคนก็อาจมีการถ่ายอุจจาระห่างขึ้นได้ประสบการณ์
จากประสบการณ์ของหมอพบทารกปกติที่ถ่ายอุจจาระหนึ่งครั้งใน 14 วัน
อาการถ่ายอุจจาระห่างในทารกที่กินนมแม่ไม่นับเป็นท้องผูกเนื่องจากอุจจาระยังมีลักษณะนิ่มเป็นปกติ
ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่จึงยังไม่ควรให้ทารกกินยาระบายและไม่ควรป้อนน้ำผลไม้ให้ทารกปกติที่ถ่ายอุจจาระห่างห่าง
การให้น้ำผลไม้ก่อนอายุหกเดือนเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมเนื่องจากถ้าไม่สะอาดพอทำให้ทารกมีลำไส้อักเสบและทำให้เกิดท้องร่วงอย่างรุนแรง
การให้น้ำผลไม้ก็อาจจะมีข้อเสียอีกประการหนึ่งนั่นก็คืออาจจะทำให้ทารกรับนมแม่น้อยลงได้
นอกจากนี้การเหน็บหรือการสวนทวารเพื่อให้ทารกถ่ายอุจจาระก็เป็นสิ่งที่ใม่แนะนำเช่นกัน
เนื่องจากอาจทำให้ไปกระทบกระแทกทวารทำให้เลือดออกได้
นอกจากนี้อาจทำให้ทารกเกิดความเคยชินไม่ยอมเบ่งถ่ายอุจจาระเอง
ถ้าไม่ได้เหน็บหรือสวนทวารให้
อีกอาการหนึ่งที่คุณพ่อคุณแม่เข้าใจว่าเป็นอาการท้องผูก
คือ อาการร้องมาก แต่หน้าแดงทำท่าเบ่งถ่ายอุจจาระ
เหมือนซึ่งทารกอาจอุจจาระนิ่มปกติหลังจากการร้องแรงหรือหรือไม่ถ่ายอุจจาระก็ได้
อาการเหล่านี้เกิดจากตาทารกยังไม่สามารถประสานกับการทำงานของกล้ามเนื้อและที่ใช้ในการเบ่งถ่ายอุจจาระได้ดีนัก
เมื่อทารกเหล่านี้โตขึ้นแต่ก็จะสามารถประสานงานกล้ามเนื้อที่ใช้ขับถ่ายได้ดีขึ้น
ภาวะนี้ทารกจะหายได้เองภายในเก้าเดือน
จะเห็นได้ว่าการถ่ายอุจจาระห่างและในทารกที่กินนมแม่จะไม่นับเป็นท้องผูก
การที่แพทย์จะวินิจฉัยว่าทารกท้องผูกนั้น นอกจากจะมีการถ่ายอุจจาระห่างแล้วล่ะลักษณะของอุจจาระก็ต้องผิดปกติด้วย
ได้แก่อุจจาระมีลักษณะแข็งถ่ายไม่ออกเบ่งยากค่ะถ่ายอุจจาระแล้วมีเลือดติดออกมาด้วยค่ะเนื่องจากมีรอยฉีกที่ปากทวาร
จะเห็นได้ว่าการถ่ายอุจจาระเหลวบ่อยหรือการถ่ายอุจจาระห่างอ่ะอาจมีสาเหตุจากโรคบางอย่างก็ให้หรือเป็นภาวะปกติของทารกก็ได้
ดังนั้นหากทารกมีปัญหาเรื่องการขับถ่ายอุจจาระรไม่ว่าจะเป็นการขับถ่ายอุจจาระเหลวบ่อยหรือเป็นการถ่ายอุจจาระห่างห่าง
คุณพ่อคุณแม่ไม่มั่นใจว่าลักษณะอาการเช่นนี้เป็นอาการปกติหรืออาจเกิดจากโรคทางเดินอาหารจริงๆ
สามารถนำทารกมาปรึกษากูมาและแพทย์ได้
ที่ตึก ภปร ชั้น9 ในวันและเวลาราชการ
โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์สภากาชาดไทย
ที่มา : รศ.พญ.วรนุช จงศรีสวัสดิ์
หน่วยโรคทางเดินอาหารและตับ ฝ่ายกุมารเวชศาสตร์
โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์สภากาชาดไทย