ตรวจสุขภาพ ก่อนตั้งครรภ์ ทำอย่างไร?

  • 23 June 2021
ตรวจสุขภาพ ก่อนตั้งครรภ์ ทำอย่างไร?
ฉันควรตรวจร่างกาย
ก่อนตั้งครรภ์ หรือไม่ ??
 
สูตินรีแพทย์แนะนำให้หญิงสาวที่ต้องการมีบุตร
ตรวจร่างกายก่อนการตั้งครรภ์
การตรวจร่างกายก่อนการตั้งครรภ์ในขั้นต้น
สามารถคัดกรองความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นระหว่างตั้งครรภ์
สามารถช่วยป้องกันการแท้งบุตรหรือปัญหาเกี่ยวกับทารกในครรภ์
 
สำหรับผู้หญิงที่ร่างกายไม่แข็งแรงสมบูรณ์
นอกจากนี้ผลการตรวจร่างกายยังบอกข้อมูลมากมาย
ที่สามารถช่วยให้คุณตั้งครรภ์อย่างแข็งแรงและช่วยให้ทราบ
ปัญหาการตั้งครรภ์อื่น ๆ ได้ทันเวลา
 

การตรวจร่ายกายก่อนการตั้งครรภ์ทำอย่างไร ?

 
ก่อนอื่นสูตินรีแพทย์จะถามคุณเกี่ยวกับประวัติทางการแพทย์ ปัญหาต่าง ๆ
เช่น เบาหวานหรือไทรอยด์ ซึ่งอาจมีผลต่อการตั้งครรภ์ได้
สูตินรีแพทย์ของคุณจะถามคุณเกี่ยวกับปัญหาของผู้หญิง
ประกอบไปด้วยอาการเจ็บป่วย การแท้งบุตรหรือการผ่าตัด
นอกจากนี้คุณหมอก็จะถามเกี่ยวกับประวัติการใช้ยา
ในช่วงไม่กี่เดือนหรือไม่กี่ปีที่ผ่านมา
รวมไปถึงประวัติการกินและนิสัยการออกกำลังกายด้วย
 
การวางแผนการตั้งครรภ์เป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่สามารถคิดได้ล่วงหน้า
โดยเริ่มตั้งแต่การตรวจสุขภาพของทั้งสองฝ่ายก่อนตั้งครรภ์
แนะนำว่าควรตรวจร่างกายก่อนการตั้งครรภ์สัก 3 เดือน
เพื่อลดความเสี่ยงต่าง ๆหากคุณพ่อคุณแม่แข็งแรงและมีสุขภาพดี
ก็ย่อมมีโอกาสคลอดลูกที่แข็งแรงและมีสุขภาพดีเช่นกัน
 
ซึ่งในปัจจุบันก็มีแพ็กเกจทั้งจากโรงพยาบาลและคลินิก ออกมาให้เลือกมากมาย
 
 
  •  การซักประวัติ
จะเป็นการสอบถามทั่วไปหรือสอบถามถึงปัญหาในปัจจุบัน
คุณแม่ที่วางแผนจะตั้งครรภ์ควรสังเกตสิ่งต่าง ๆ
เพื่อเป็นข้อมูลเวลาไปพบแพทย์ซึ่งสิ่งที่หมอจะซักถาม ได้แก่
 
- ประวัติการคุมกำเนิด
การใช้ยาคุมกำเนิดประวัติการตรวจมะเร็งปากมดลูกความผิดปกติเกี่ยวกับรอบประจำเดือน
ซึ่งคุณแม่ที่วางแผนจะมีบุตรควรเริ่มจดบันทึกและสังเกตอาการเหล่านี้ไว้
จะช่วยทำให้เราทราบอายุครรภ์และวันคลอดได้
 
- ประวัติการเจ็บป่วย
การรับประทานยา โรคประจำตัวรวมถึงการผ่าตัด
การให้เลือด รวมถึงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
หรือการอักเสบของช่องคลอดและผลการตรวจภายใน
 
- ประวัติทางสูติกรรม
แพทย์จะสอบถามว่าเคยตั้งครรภ์มาก่อนหรือไม่
จำนวนการตั้งครรภ์ ความผิดปกติของการตั้งครรภ์ เช่น
การตั้งครรภ์นอกมดลูก ครรภ์เป็นพิษ เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์
การคลอดก่อนกำหนด การผ่าตัดทำคลอด การตั้งครรภ์แฝด
การแท้งบุตร หรือให้กำเนิดเด็กพิการ 
คุณแม่ต้องเตรียมข้อมูลให้พร้อม รวมถึงประวัติการรับประทานกรดโฟลิกด้วย
เพราะแพทย์จะได้วางแผนการดูแลคุณแม่ได้อย่างถูกต้อง
 
- ประวัติการฉีดวัคซีน
เคยฉีดวัคซีนป้องกันโรคที่อาจจะติดต่อไปยังทารกหรือไม่
เช่น โรคหัดเยอรมัน ไวรัสตับอักเสบ อีสุกอีใส บาดทะยัก ฯลฯ
 
- ประวัติทางครอบครัว
เป็นการสอบถามว่ามีใครเป็นโรคทางพันธุกรรม
โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคเลือด ฯลฯ หรือไม่
 
- ประวัติการใช้ยาทั้งจากที่แพทย์สั่ง
หรือการซื้อยามารับประทานเองรวมไปถึงการแพ้ยา
เพราะยาบางชนิดมีผลต่อการตั้งครรภ์
 
- ประวัติส่วนตัว
เช่น สภาพแวดล้อมในการทำงาน สิ่งแวดล้อมของที่อยู่อาศัย
สัตว์เลี้ยงในบ้าน ประวัติการออกกำลังกาย 
ประวัติการทำฟันและการตรวจสุขภาพช่องปาก 
รวมถึงพฤติกรรมเสี่ยงที่อาจส่งผลต่อการตั้งครรภ์
เช่น การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์
เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน การใช้ยาเสพติด ฯลฯ
เพื่อแพทย์จะได้พิจารณาถึงความเสี่ยงที่อาจมีผล
ต่อทารกในครรภ์และให้คำแนะนำได้
 
  • การตรวจร่างกายทั่วไป
จะเป็นการตรวจดูความสมบูรณ์ของร่างกายทั้งพ่อและแม่ โดยคุณหมอจะตรวจดูว่ามี
โรคบางอย่างที่เป็นอันตรายต่อการตั้งครรภ์หรือไม่
หากตรวจว่าพบความผิดปกติอย่างใดอย่างหนึ่งก็จำเป็นต้องได้รับการดูแล
จากแพทย์อย่างใกล้ชิดทั้งแพทย์เฉพาะทางและสูตินรีแพทย์
ซึ่งจะต้องพิจารณาร่วมกันว่า สมควรให้มีการตั้งครรภ์ได้หรือไม่
 
นอกจากนี้ยังต้องระมัดระวังเรื่องโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ด้วย
อย่างโรคที่พบบ่อย ๆ เช่น โรคหนองใน โรคซิฟิลิส แผลริมอ่อน ไวรัสตับอักเสบบี
 
ส่วนโรคเอดส์ ถ้าคุณแม่ติดเชื้อจะมีโอกาสถ่ายทอดไปสู่ลูก ได้มากถึงร้อยละ 20 - 30 
(ถ้าได้รับยาระหว่างตั้งครรภ์จะลดโอกาสการถ่ายทอดไปสู่ลูกเหลือน้อยกว่าร้อยละ 10)
หากพ่อหรือแม่ติดเชื้อเอดส์ก็ไม่ควรจะปล่อยให้มีการตั้งครรภ์เกิดขึ้น
 
การตรวจเช่นนี้จะตรวจทั่วไป คือ
 
- การวัดส่วนสูง
- ชั่งน้ำหนัก
- วัดความดันโลหิต
- ตรวจระบบทางเดินหายใจ
- ตรวจระบบหัวใจ
- ตรวจเต้านม
- ตรวจหน้าท้อง
- ตรวจภายใน
- ตรวจมะเร็งปากมดลูก
 
  • การเจาะเลือด ตรวจปัสสาวะ และเอกซเรย์ปอด
คุณพ่อคุณแม่ควรได้รับการตรวจเลือดอย่างละเอียด เพื่อดูว่ามีโอกาสตั้งครรภ์
โดยที่ภาวะแม่ลูกกลุ่มเลือดไม่เข้ากันหรือไม่ หากเกิดภาวะนี้ขึ้น หมอจะได้ให้คำแนะนำ
เพื่อให้การตั้งครรภ์ผ่านพ้นไปอย่างปลอดภัยได้ โดยทั่วไปสิ่งที่หมอจะสั่งให้ตรวจ ได้แก่
 
- หมู่เลือด
ให้ทราบว่าแต่ละคนมีเลือดกรุ๊ปใดเพื่อสะดวกในกรณีที่ต้องการเลือดฉุกเฉิน
 
- ตรวจความเข้มข้นของเม็ดเลือดเพื่อประเมินสุขภาพทั่วไป
 
- ระดับน้ำตาลในเลือด
 
- ตรวจปัสสาวะ
 
- เอกซเรย์ปอด
 
- ตรวจความเข้ากันของเลือด (Hemoglobin Typing)
เป็นการตรวจหาความผิดปกติของฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดง
ว่ามีความผิดปกติของโรคธาลัสซีเมีย (Thalassemia) หรือไม่
 
ซึ่งโรคนี้เป็นโรคที่เกิดจากการสืบทอดทางพันธุกรรม
และเป็นโรคหนึ่งที่เป็นกันมากซึ่งหากทั้งพ่อและแม่เป็นโรคนี้
จะส่งผลกระทบเรื่องสุขภาพถึงลูก หากพบว่าทั้งพ่อและแม่
ต่างก็มีโรคทางพันธุกรรมแฝงอยู่ในตัว โดยทั่วไปแล้วจะมีโอกาสถ่ายทอด
ไปยังลูกได้ 1 ใน 4 คน โดยจะมี 1 คนที่ปกติ มี 2 คนที่ปกติแต่มีโรคแฝง
ส่วนอีก 1 คนนั้นจะผิดปกติ หรือมีโรคปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน
ยิ่งถ้าพ่อแม่เป็นโรคเลือดธาลัสซีเมียทั้งคู่ หมอก็จะไม่แนะนำให้มีลูก
 
- ตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด
 
- ตรวจหาภูมิคุ้มกันและเชื้อไวรัสตับอักเสบบี
หากพบว่ามีเชื้อแสดงว่าคุณเป็นพาหะนำโรคซึ่งสามารถติดต่อกัน
ทางเพศสัมพันธ์และสายเลือด ถ้าหากไม่มีการป้องกันให้ดี
อาจทำให้ลูกน้อยในครรภ์มีโอกาสติดเชื้อได้
 
- ตรวจหาภูมิคุ้มกันหัดเยอรมัน
หากไม่มีภูมิคุ้มกันควรฉีดวัคซีนและคุมกำเนิดไว้อย่างน้อยสามเดือน 
เพราะหากติดเชื้อในระหว่างตั้งครรภ์ อาจทำให้ทารกพิการหรือแท้งได้
 
- ตรวจหาเชื้อไวรัส HIV
หากพบเชื้อจะได้ป้องกันการติดต่อทางเพศสัมพันธ์
โดยใช้ถุงยางอนามัยและคุมกำเนิดเพื่อป้องกันการติดต่อไปสู่ลูก
 
- ตรวจหาเชื้อซิฟิลิส
หากพบการติดเชื้อจะต้องรักษาให้หายก่อนตั้งครรภ์ เพราะทำให้ทารกพิการได้
 
  • การตรวจกระดูกเชิงกรานและการตรวจมะเร็งปากมดลูก
 
การตรวจร่างกายขั้นแรกเป็นการตรวจกระดูกเชิงกราน
ซึ่งจะบอกว่ามีการติดเชื้อ หรือ โรคติดต่อทางเพศหรือไม่
คุณหมออาจจะขอตรวจอัลตราซาวด์เพื่อดูว่า มดลูกและรังไข่ปกติหรือไม่
ไม่มีเนื้องอกกล้ามเนื้อมดลูก หรือ กระเพาะปัสสาวะอักเสบ
 
การตรวจมะเร็งปากมดลูกเป็นการตรวจหาความผิดปกติภายในมดลูก
ชิ้นเนื้อจะถูกเก็บมาจากบริเวณปากมดลูก ถ้าเกิดมีข้อกังวลเกิดขึ้น
ก็อาจจำเป็นต้องมีการตรวจหาไวรัสหูด (HPV)
 
  • การตรวจภายใน
 
เป็นอีกหนึ่งขั้นตอนสำคัญอย่างหนึ่งในการเตรียมตัวเป็นคุณแม่
โดยจะเป็นการตรวจเพื่อดูว่า มดลูกและรังไข่ปกติดีหรือไม่
รวมทั้งตรวจช่องคลอดเพราะมีผล โดยตรงต่อการตั้งครรภ์และการคลอด
และยังถือเป็นโอกาสในการตรวจมะเร็งปากมดลูกไปด้วย
ส่วนคุณผู้หญิงที่มีประจำเดือนแล้วมักปวดท้องมาก
มีความเสี่ยงเป็นเนื้องอกของเยื่อบุมดลูกซึ่งไปเจริญผิดที่ได้
ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจดู เพราะโรคนี้ถ้าเป็นแล้ว
จะทำให้มีโอกาสตั้งครรภ์ได้ยากขึ้นแต่หากได้รับการรักษาแล้ว โอกาสที่จะตั้งครรภ์ก็มีมากขึ้น
 
สำหรับการตรวจความสมบูรณ์ของอสุจิคุณพ่อก็สำคัญ
เพราะหากเกิดความผิดปกติขึ้นมาจะได้รับคำแนะนำและรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ
ดีกว่าปล่อยให้ผ่านไปจนกลายเป็นเรื่องที่แก้ไขยาก
 
  • การตรวจพิเศษอื่น ๆ
หลังจากที่ตรวจร่างกายและตรวจภายในไปแล้ว หากแพทย์สงสัยว่ามีความผิดปกติบางอย่าง
ก็อาจจะต้องให้ตรวจพิเศษเพิ่มเติมด้วย เช่น ตรวจอัลตราซาวด์ช่องท้อง
หรือส่องกล้องตรวจในอุ้งเชิงกราน เป็นต้น
 
ติดต่อ : 083 436 5947

Tags :